ตามรอยเส้นทางวรรณกรรม”ไซอิ๋ว”สู่”นางพญาผมขาว” (3)

0
60
ภาพขี่อูฐ

บทความ : บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
Benchmark Media co-editor

ถ้าใครเป็นหนอนหนังสือกำลังภายในอย่างดิฉัน เขตปกครองตนเองเหวยหวูเอ่อซินเจียง หรืออุยกูร์ซินเจียง หรือที่คนไทยเรียกตามสำเนียงแต้จิ๋วว่า ซินเกียง หมายถึง “ดินแดนใหม่” เมืองชายแดนสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ถือเป็นดินแดนในฝันแท้ๆ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดและแหล่งชุมนุมยอดยุทธหลายต่อหลายคน สำนักเทียนซาน สำนักคุนลุ้นหรือคุนหลุน สำนักไท่ซาน ล้วนแต่ตั้งอยู่ที่นี่ บัวหิมะอันลือชื่อซึ่งคอกำลังภายในรู้จักกันดีจากหนังสือเรื่องฮุ้นปวยเอี๊ยงหรือ”กระบี่ไร้เทียมทาน” แต่งโดยอึงเอ็ง ที่เคยโด่งดังสุดๆเมื่อหลายสิบปีมาแล้วว่าใครกินเข้าไปแล้วจะทำให้ผมขาวกลายเป็นผมดำสนิทดุจขนอีกา ก็ผลิดอกออกช่อเหลืองอยู่ในเทือกเขาเทียนซาน อันลึกลับและมหัศจรรย์แห่งนี้


ที่โด่งดังที่สุดก็คือเง็กล้อซัวะหรือนางพญาผมขาว ผู้สร้างตำนานรักระคนแค้นอันโศกซึ้งสะเทือนใจทุกผู้คนในยุทธจักร เนื่องจากธรรมะกับอธรรมไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ เนี่ยอู้เช็งได้สะบัดพู่กันบรรจงแต่งแต้มโดยหยิบยกตัวละครที่มีตัวตนในตำนานว่าเป็นผู้ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้หย่งเจิ้น มาขยายเป็นนิยายว่านางเป็นศิษย์ของแม่ชีแขนเดียวหรืออาเก้าหรือองค์หญิงฉางผิงในหนังสือเรื่อง เพ็กฮ้วยเกี่ยมและอุ้ยเสี่ยวป้อ ของ กิมย้ง หรือในละครโทรทัศน์เรื่อง”ศึกสองนางพญา”
นอกจากนี้ ใครที่เป็นแฟนกิมย้งก็คงจะจำม้าวิเศษเหงื่อโลหิตของก๊วยเจ๋งในมังกรหยกได้ ดิฉันเชื่อว่าอาจจะเป็นม้าจากเกาซาง ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดและเพาะพันธุ์ม้าวิเศษในแถบนี้ และม้าพันธุ์นี้ยังเป็นม้าคู่กายของโค้วจงและฉีจื่อหลัง สองตัวเอกในหนังสือเรื่อง”มังกรคู่สู่สิบทิศ” ของหวงอี้ด้วย


กิมยังยังได้ใช้ธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาเทียนซาน ซึ่งยอดเขากว่าพันยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนตลอดทั้งปีเป็นฉากสำคัญในหนังสือเรื่อง”คัมภีร์กระบี่”หรือ”จอมใจจอมยุทธิ์”ที่ดิฉันแสนจะชังหน้าเฉินเจียลั่วหรือตั้งแกลก พระเอกผู้เป็นเจ้าสำนักดอกไม้แดงผู้ต้องการฟื้นฟูฮั่น ล้มราชวงศ์ชิง เพราะเป็นพระเอกที่เปลี่ยนใจง่ายในชั่วพริบตา เพียงแค่เห็นหน้าองค์หญิงเซียงเซียง แห่งเผ่าหุยเกอ ( ซึ่งแปลตรงตัวว่าอิสลามหรืออุยกูร์) โฉมสะคราญแห่งยุค ผู้มีนัยน์ตาคม หน้าหวาน ผิวขาวแบบแขกเติร์กหรือแขกขาว แถมยังมีกลิ่นกายหอมกรุ่น เฉินเจียลั่วก็ทอดทิ้งองค์หญิงผู้พี่ผู้แสนฉลาดเฉลียวมากด้วยความกล้าหาญและการเสียสละเพื่อชนเผ่าทั้งๆที่คบหากันมาก่อน


แต่สุดท้ายองค์หญิงเซียงเซียงก็ถูกส่งให้เป็นสนมของเฉียนหลงฮ่องเต้ ซึ่งในตำนานกล่าวว่าเป็นพี่ชายแท้ๆของเฉินเจียลั่วที่ถูกสับเปลี่ยนไป นับเป็นบทพิสูจน์สัจธรรมว่าโฉมสะคราญมักอาภัพ แต่ที่อาภัพมากกว่าก็คือพี่สาวโฉมสะคราญที่สวยสู้ไม่ได้
ชะตากรรมขององค์หญิงเซียงเซียงยังปรากฎอยู่ในละครโทรทัศน์เรื่อง”องค์หญิงกำมะลอ” สำหรับชีวิตบั้นปลายขององค์หญิงเซียงเซียงนั้นมีหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน ในประวัติศาสตร์ยืนยันว่านางเป็นสนมเอกที่เฉียนหลงฮ่องกงทรงโปรดมากเพราะกลิ่นกายอันหอมกรุ่น (แต่คนจีนที่ขี้อิจฉาได้ใส่ร้ายว่าเพราะนางกินแต่นมแพะเลยมีกลิ่นแพะแต่บังเอิญเป็นกลิ่นโปรดของเฉียนหลง ผู้ชอบหนีไปคลุกคลีกับชาวบ้าน) ถึงกับจำลองบ้านเกิดและสุเหร่าไปไว้ในวังเพื่อให้นางสามารถประกอบกิจทางศาสนาได้ ในวัยชรา นางได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดจนสิ้นชีวิตโดยมีหลุมฝังศพของนางเป็นหลักฐาน แต่เสียดายที่อยู่ไกลมากไม่มีเวลาไปดู แต่ในเรื่องจอมใจจอมยุทธิ์บรรยายว่านางยอมฆ่าตัวตายเพื่อช่วยเฉินเจียลั่วชายคนรักไม่ให้ตกหลุมพรางเฉียนหลง ส่วนในองค์หญิงกำมะลอก็ว่านางหนีไปกับชายคนรักเผ่าเดียวกัน


อันที่จริงเทือกเขาเทียนซาน หรือภูเขาแห่งสวรรค์ หรือที่คนพื้นเมืองเรียกในภาษาเติร์กว่าการ์ลิคทัค เป็นแนวเทือกเขาเลื้อยพาดผ่านจากตะวันออกสู่ตะวันตกดุจพญามังกร 3 ตัวกำลังคะนองฤทธิ์เป็นระยะทางถึง 2,600 กิโลเมตร หรือเทียบได้กับการเดินทางไปกลับกรุงเทพ-นราธิวาส โดยอยู่ในประเทศจีน 1,800 กิโลเมตร อีก700 กิโลเมตรอยู่ในคาซัคสถาน นับเป็น 1 ใน 3 ภูเขาใหญ่ของซินเจียง อีก 2 ลูกก็คือภูเขาคุนหลุนหรือคุนลุ้น ที่ตั้งของสำนักคุนลุ้นในหนังสือกำลังภายในหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่อง”กะเรียนสะท้านคุนหลุน”ของหวังตู้หลู อันเป็นตอนต้นของภาพยนตร์กำลังภายในที่โด่งดัง


“Crouching Tiger,Hidden Dragon”หรือ”เสือซุ่มมังกรซ่อน” และภูเขาอาเอ่อไท้ หรืออัลไต ที่แปลว่าภูเขาทองตามภาษามองโกล ทางเหนือสุดของแคว้นนี้ ซึ่งประวัติศาสตร์ไทยเคยบันทึกไว้ว่าบรรพบุรุษของคนไทยอาศัยอยู่ที่นี่ก่อนจะอพยพลงใต้มายังสุวรรณภูมิ ใครอยากรู้มากกว่านี้ก็ต้องหาอ่านจากหนังสือ”เบ้งเฮ็ก”ของม.ร.ว.คึกฤทธิ ปราโมช บางคนอาจจะรวมภูเขาไท่ซานอยู่ในบัญชีรายชื่อภูเขาชื่อดังด้วย ในฐานะเป็นที่ตั้งของสำนักไท่ซาน อันเป็นหนึ่งในสำนักกระบี่ทั้งห้าในหนังสือเรื่อง”กระบี่เย้ยยุทธจักร”ของกิมย้ง


นอกจากประทับใจในเทือกเขาเหล่านี้ แฟนหวงอี้อย่างเหนียวแน่นอย่างดิฉันก็ปรารถนาจะได้ทอดตามองทะเลทรายใหญ่น้อย ไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายตาเค่อลาหม่ากันหรือตากลามากัน อันเป็นภาษาอุยกูร์ หมายถึง ดินแดนที่ซึ่งไม่มีมนุษย์ผู้ใดเมื่อเข้าไปแล้ว จะได้กลับออกมา จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ทะเลแห่งความตาย” ถือเป็นทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดของจีนและใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจากทะเลทรายซาฮาร่าในแอฟริกา ปาฟงหันตัวเอกในเรื่อง”มังกรคู่สู้สิบทิศ” ไตั้งชื่อม้าคู่กายว่า”ตากลามากัน”เพื่อรำลึกถึงบ้านเกิดอันห่างไกล


มาร์โคโปโลเองเคยบันทึกไว้ว่า“…ในทะเลทรายมีแต่ความเวิ้งกว้างใหญ่เสียจนต้องใช้เวลาหนึ่งปีหรือกว่านั้น ในการนั่งอูฐข้ามพ้นมาได้ แม้แต่ตอนที่แคบที่สุด ยังต้องใช้เวลาข้ามถึงกว่าหนึ่งเดือน ที่พอจะเห็นได้ระหว่างทาง ก็มีแต่ขุนเขา และหุบเขาในผืนทราย จะหาอะไรที่พอกินได้สักนิดก็ไม่มี ”


ส่วนทะเลทรายเกอปี้หรือโกบีที่แล้งหนักที่สุดที่เรารู้จักกันดีนั้น ซึ่งเป็นเพียงชายขอบเล็กๆ ของทะเลทรายตาเค่อลาหม่ากันเท่านั้น
อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าซินเจียงเป็นเขตปกครองตนเองที่ใหญ่ที่สุดของแดนมังกรจีน เต็มไปด้วยอารยธรรมโบราณนับพันๆปี มากด้วยธรรมชาติที่สุดแสนจะขัดกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสวยงาม ทั้งเยือกเย็นจนหิมะไม่เคยละลายตลอดทั้งปี ทั้งสุดร้อนสุดแห้งแล้งสุดกันดารโหดร้ายของทะเลทราย แต่ก็มากด้วยกลิ่นไอแห่งมิตรภาพและนักสู้ผู้ไม่พรั่นต่อความตาย เวลาแค่ 3-4 วันที่ซินเจียงจึงมีโอกาสชมสถานที่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ละแห่งก็ใช้เวลาไปกลับถึงหนึ่งวันเต็ม เล่นเอากระดูกกระเดี้ยวร้าวไปหมด


ทุกจุดจะเริ่มต้นจากเมืองอุรุมชี อันเป็นภาษาจุนการ์หรือมองโกล หรือที่คนจีนเรียกว่าอูหลู่มู่ฉี่ เมืองเอกของซินเจียง ถือเป็นเมืองเอกที่อยู่ห่างไกลจากชายฝั่งทะเลมากที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนท้องทุ่งที่ราบทางตอนเหนือของแนวเทือกเขาเทียนซานจึงได้รับสมญานามว่า “ดินแดนแห่งทุ่งหญ้าอันสวยงาม” ก่อนจะได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นเมืองครั้งแรกในราชวงศ์ถัง นับเป็นเมืองสำคัญของเส้นทางสายไหมสายเหนือที่เชื่อมกับเส้นทางสายคาราโครัมซึ่งทอดต่อไปถึงกรุงอิสลาบาบัด ประเทศปากีสถาน เป็นเส้นทางช่วงต้นของไซอิ๋ว ที่เห้งเจียต้องนำพระถังซำจั๋งเดินผ่านภูเขาเพลิงที่ร้อนที่สุดในโลก

จุดแรกที่ดิฉันมีโอกาสแวะไปสัมผัสก็คือ“ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์หนานซาน”หรือ “ทุ่งหญ้าแห่งภาคใต้” ตั้งอยู่บนที่ราบของภูเขาหนานซาน ทางตอนใต้ของเทือกเขาเทียนซาน เปรียบเหมือนกับโอเอซิสใหญ่กลางภูผาสูงตระหง่านแต่แสนจะสวยงาม มีทุ่งหญ้าเขียวขจีตัดกับยอดเขาสูงที่ปกคลุมด้วยป่าสนสูงเสียดฟ้า ด้านหนึ่งของเส้นทางคดเคี้ยวสู่หุบเขาเป็นลำธารเล็กๆน้ำใสไหลเย็นแต่ไม่เห็นตัวปลา อีกด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชันและไหล่เขาลดหลั่นไปด้วยป่าสน ตรงช่วงหุบเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง ทางการได้สร้างสะพานสายรุ้งขึ้นดึงดูดใจนักท่องเที่ยวจนต้องหยุดแวะถ่ายรูปกันทุกคน ระหว่างเดินชมวิวอันงดงามของแมกไม้ไปตามทางเดินเลียบเนินเขาด้วยความเพลิดเพลิน ทันใดนั้นภาพของน้ำตกสูงก็ปรากฎขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ดับความร้อนและความแห้งแล้งไปจนหมดสิ้น อีกครั้งหนึ่งที่ดิฉันได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่ามีแต่สวรรค์เท่านั้นจะสรรค์สร้างขึ้นมาได้


ดิฉันไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นฉากอันแสนโรแมนติกของภาพยนตร์กำลังภายในหลายเรื่องหรือไม่ รวมทั้งเรื่อง “เจ็ดนักกระบี่”ของเนี่ยอู่เช็งอันเป็นตอนต่อจากนางพญาผมขาว เพราะสุดแสนจะคุ้นตาพิกล โดยเฉพาะฉากนางเอกกำลังอาบน้ำแล้วพระเอกเกิดบังเอิญพลัดหลงไปพบกับภาพอันสุดแสนรัญจวนใจนั้นเข้า


ในอดีต ทุ่งหญ้าหนานซานเคยเป็นพื้นที่ล่าสัตว์ของขุนนางผู้ใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถังแต่เปลี่ยนมาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในสมัยราชวงศ์ชิง ในฤดูร้อนชาวเมืองอูหลู่มู่ฉีจะพากันพักตากอากาศบนเขาแห่งนี้เนื่องจากมีอากาศเย็นสบายกว่าในเมือง ชาวคาซัคหรือฮาซักซึ่งเร่ร่อนในพื้นที่แถบนี้มาเนิ่นนานนับร้อยนับพันปีได้ปรับชีวิตเข้ากับยุคใหม่ได้อย่างกลมกลืน ใครที่ฝันอยากจะเห็นหนุ่มชาวคาซัคควบม้าไปตามทุ่งหญ้าหรือทะเลทรายอย่างหยิ่งผยองก็คงผิดหวังไม่ใช่น้อย เพราะภาพที่เห็นตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินทางไปถึงก็คือภาพชาวคาซัค ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ทั้งหญิงและชายต่างปรี่เข้ามาเชิญชวนให้ขึ้นขี่ม้าที่ฝึกไว้จนสุดเชื่องเหมาะกับการให้บริการนักท่องเที่ยว โดยให้นั่งซ้อนท้ายเดินย่องไปตามเส้นทางเลียบไหล่เขา ส่วนหนุ่มสาวชาวคาซัคกลับง่วนอยู่กับการแทงบิลเลียดหลายโต๊ะที่หน้ากระโจมพักโดยมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่แทนม้าที่หายไปกับกาลเวลา

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here